2. ผู้บริโภค/ผู้ป่วยจะใช้ยาคุม หรือยาเอทินิล เอสตร้าไดออล มีข้อควรทราบและพึงระวังดังต่อไปนี้เช่น
• ห้ามใช้ยาคุมหรือยาเอทินิล เอสตร้าไดออลในผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้มาก่อน
• หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้หากมีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจ มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด มีภาวะหลอดเลือดขอด ปวดศีรษะไมเกรน ภาวะ/โรคความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มะเร็งเต้านม หรือมีก้อนเนื้องอกตามร่างกาย และในสตรีที่มีภาวะเลือดออกจากช่องคลอดโดยยังหาสาเหตุไม่พบ
• สตรีที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงจากยาต่างๆทุกประเภทซึ่งรวมถึงยาเอทินิล เอสตร้าไดออลด้วย
• ระมัดระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีญาติป่วยด้วยโรคมะเร็ง
• มียาหลายรายการที่สามารถเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาเอทินิล เอสตร้าไดออลเช่นยา Warfarin, Acenocoumarol(ยาต้านการแข็งตัวของเลือด), Rifampicin, Nevirapine, Efavirenz, Ritonavir, Theophylline, Phenobarbital, Imipramine และอื่นๆ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์พยาบาล เภสัชกรทราบทุกครั้งว่ามีการใช้ยาอะไรอยู่ก่อน
• การได้รับยาเอทินิล เอสตร้าไดออลเกินขนาดจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน รวมถึงมีเลือดประจำเดือนมาผิดปกติ
• ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลที่ใช้ในวัตถุประสงค์เป็นฮอร์โมนทดแทนและบำบัดภาวะกระดูกพรุนต้องได้รับยาต่อเนื่องเป็นประจำ ประกอบกับต้องได้รับการตรวจร่างกายเป็นระยะๆจากแพทย์ว่ามีภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) อื่นๆจากยานี้ร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งการหยุดใช้ยานี้จะทำให้มวลกระดูกบางลงเช่นเดิม ดังนั้นแพทย์จะเป็นผู้กำหนดขนาดการรับประทานและระยะเวลาการใช้ยานี้ในกรณีนี้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ยาเอทินิล เอสตร้าไดออลถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติของไทยโดยสูตรตำรับยาจะประกอบไปด้วยฮอร์โมนเพศหญิงตัวอื่นอย่าง Drospirenone, Desogestrel หรือ Levonorgestrel การใช้ยานี้ไม่ว่าจะเป็นด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ผู้บริโภค/ผู้ป่วยจะต้องใช้ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด และไม่ควรไปซื้อหามาใช้หรือรับประทานด้วยตนเอง
0 Comments